วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558

สรุปการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้(Research and Knowledge Formation)

ชื่อ-สกุล น.ส.จิราพร  บุญจิตร์  เลขที่  15  ห้อง  5/10

กลุ่มที่  7

ปัญหาที่นักเรียนศึกษา  ความเครียดจากการเรียน

ที่มาและความสำคัญของปัญหา
ปัจจุบันเยาวชนต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆมากมาย เช่น  ปัญหาการเรียน  การศึกษาต่อ  ปัญหาด้านเศรษฐกิจของครอบครัว  ปัญหาด้านร่างกายที่กำลังเปลี่ยนแปลง  ปัญหาด้านเพศ  ปัญหายาเสพติด และปัญหาสังคมต่างๆซึ่งล้วนส่งผลต่อจิตใจและทำให้เกิดภาวะเครียด ความกดดันขึ้นกับตัวบุคคล ซึ่งปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นจากครอบครัวที่มีการคาดหวังที่สูง ทางกลุ่มจึงมีแนวคิดที่จะนำเสนอเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ผ่านทางสื่อที่ทุกคนสามารถที่จะเข้าถึงได้ง่าย เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดระหว่างผู้จัดทำและผู้เข้าชมได้อย่างเสรี
   ดังนั้นจึงจัดทำหนังสั้นในเรื่อง THE part of my life ขึ้นเพื่อสะท้อนถึงสังคมของการเรียนในปัจจุบัน ซึ่งเกิดจากการกดดันและความคาดหวังของบุคคลรอบข้าง  

วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษาปัญหาความเครียดการการเรียนและแนวทางการแก้ไขของปัญหา
2.เพื่อเรียนรู้วิธีการสร้างภาพยนต์สั้น ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาโดยการสะท้อนถึงปัญหา

ผลการศึกษา (ให้เขียนตามวัตถุประสงค์ )

ทราบถึงสาเหตุของความเครียด การแสดงออกของความเครียดในตัวของบุคคล การแก้ไขปัญหาในเรื่องของความเครียดในขั้นเบื้องต้นเพื่อพัฒนาไปเป็นขั้นสูง เช่นการจัดสรรเวลาในการเรียน การทำกิจกรรมร่วมกันกับครอบครัว การเปิดใจพูดคุยถึงความต้องของของบุคคลนั้น และเมื่อศึกษาถึงสาเหตุและการแก้ปัญหา จึงสรุปแนวคิดที่จะนำเสนอชิ้นงานเป็นภาพยนต์สั้นที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในขณะนี้ ได้มีการจัดศึกษาข้อมูลของการทำภาพยนต์สั้น การเขียนบทที่ดึงดูดใจและน่าสนใจกับบุคคลทั่วไป และยังได้คิดถึงการประยุกต์ใช้และต่อยอดให้กับภาพยนต์สั้น ซึ่งในการศึกษานี้ทำให้พวกเรามีความรู้ที่หลากหลาย ทราบถึงข้อแท้จริงของปัญหา มีการนำการแก้ปัญหามาปรับใช้กับตนเองและชำนาญการทำภาพยนต์สั้น ซึ่งเป็นการเสริมทักษะให้รอบด้านอีกด้วย

เสนอแนวคิดในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยองค์ความรู้จากการค้นพบ
ปัญหาของความเครียดซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากครอบครัว หากสามารถแก้ไขปัญหาจากครอบครัว  จะทำให้บุคคลนั้นรู้สึกการมีที่พึ่ง  จะทำให้มีความผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งในการทำภาพยนต์ออนไลน์ที่มีระยะเวลาในการรับชมสั้นแต่สามารถสะท้อนถึงปัญหาได้อย่างแท้จริง  จึงเป็นการช่วยส่งเสริมให้คนรอบข้างเข้าใจถึงตัวบุคคลได้มากขึ้น  และในการทำสื่อออนไลนืยังสามารถแลกเปลี่ยนความคิดได้ระหว่างผู้จัดทำและผู้ชม  อาจเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่สามารถระบายความเครียดที่เกิดขึ้นได้อีกด้วย

นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเรียนวิชา IS1
1.ทราบถึงปัญหาหลักของความเครียดที่เกิดขึ้น
2.แนวทางการแก้ไขปํญหาที่จะไม่ทำให้บุคคลใดเดือดร้อน
3.การวางแผนการทำงานที่เป็นระบบ
4.การเขียนบทละครที่สามารถดึงดูดผู้ชมผู้อ่านได้
5.ศึกษาแอฟที่ใช้ในการตัดต่อภาพยนต์
6.การถ่ายทำภาพยนต์ที่มีคุณภาพ
7.การแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเพื่อให้งานนำเนินต่อ
8.มีความชำนาญในการทำภาพยนต์
9.สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
10.สามารถควบคุมอารมณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทำงานได้
11.มีทักษะที่รอบด้านขึ้น

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หนังสั้น "ปัญหาวัยรุ่น...วัยเรียน"




เขียนบท(หนังสั้น) ให้แซ่บถึงใจคนดู


อ้างอิง:https://www.youtube.com/watch?v=zLMs7eplysg

ตัวอย่างบทหนังสั้น

ตัวอย่าง (บท) ภาพยนต์สั้นเรื่อง ON THE ROAD
SCENE 1   เปิดเรื่อง
                 เป็นภาพตัวหนังสือกราฟฟิก และ ภาพรูปคนชูมือและรูปมือเด็กถือดอกไม้อยู่ที่มุมล่างด้านซ้ายมือ
SCENE 2   ภายนอก / บนถนนที่คดเดี้ยว  สองทางเป็นป่า / ตอนเช้า
                 บนถนนที่คดเดี้ยวรถตู คันหนึ่งวิ่งเข้ามาตามทางที่คดเดี้ยวเพื่อที่จะไปรับคนที่จะเดินทางออกจากหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง  จากนั้นกราฟฟิกตัวหนังสือ ชื่อเรื่องก็ขึ้นด้านบนของภาพ
SCENE 3   ภายนอก / บนถนน / เห็นภาพชายป่าอยู่ด้านหลัง / ตอนเช้า (ต่อเนื่อง)
                 รถตู้วิ่งผ่านชายป่าโดยที่เห็นภาพล้อรถตู้วิ่งจากด้านซ้ายของภาพจนรถหายไปด้านขวามือของภาพ
SCENE 4  ภายในรถตู้ / ด้านนอกรถเป็นชายป่า / ตอนเช้า (ต่อเนื่อง)
                 เห็นคนขับรถกำลังขับรถและหยิบบุหรี่ขึ้นจุดดูดในขณะที่รถวิ่งไปเลื่อยๆ ด้านหลังของหน้ารถเห็นเป็นชายป่า
SCENE 5   ภายนอก / ด้านนอกรถตู้บรเวณข้างขวาของรถ / ตอนเช้า (ต่อเนื่อง)
                ในขณะที่รถวิ่งไปตามทางสองข้างทางเป็นป่าคนขับยื้นมือออกมานอกตัวรถเพื่อจะเขี่ยบุหรี่
SCENE 6  ภายนอก / บนถนน 2 ข้างริมทางป่า / ตอนเช้า (ต่อเนื่อง)
                รถตู้วิ่งผ่านถนนจากด้านขวาไปด้านซ้ายจนผ่านไปจนเห็นด้านหลังของรถที่วิ่งไปตามถนน
ฉากที่ 1           ภายนอก / บนถนนบริเวณชายป่า / ตอนเช้า (ต่อเนื่อง)
                 กิ๊ฟกับเอส 2 พี่น้อง  กิ๊ฟนั่งอยู่ริมถนน เอสยืนฉี่อยู่ชายป่าแล้วเดินเข้ามาหากิ๊ฟ แล้วพูดคุยกับกิ๊ฟตามภาษาพี่น้อง ในขณะเดียวกันเก่ง็เดินเข้ามาพูดคุยกับเอสแล้วถามว่ารถจะมาหรือยัง
เอส  “เฮ้ย...มันจะมารับเราหรือเปล่าว่ะ
กิ๊ฟ  “ทำไมมันจะไม่มาว่ะ ค่ารถที่เราจะจ่ายมันแพงจะตาย
เอสพูดในใจ  ไอโง่นี่ ท่าทางมันจะหลอกง่ายว่ะ หลอกแล้วฆ่ามันทิ้งวันหลังดีกว่า
เก่ง  “เอ่อ พี่คับรถที่จะมารับเรา ยังไม่มาใช่ไหมครับ
เอส  “แล้วมึงเห็นไหมเล่า ถ้ามันมึงก็เห็นแล้ว
ฉากที่ 2   ภายนอก / บนถนนเห็นภาพระยะไกล / ตอนเช้า
             รถตู้ ที่วิ่งมาหยุดกลางบริเวณชายป่า  เกิดแสงสว่างจากชายป่าแววขึ้นแล้วแสงสว่างก็ค่อยๆวิ่งเข้าไปในรถตู้
ฉากที่ 3   ภายใน / รถตู้ / ตอนเช้า (ต่อเนื่อง)
             คนขับหมดสติหน้าคว่ำที่พวงมาลัยรถ แล้วแสงสว่างก็วิ่งเข้าไปสิงอยู่ในตัวคนขับรถ คนขับรถฟื้นขึ้น  รวบผมของตัวเองแล้วหยิบหมวกขึ้นมาสวม  แล้วก็กระต๊าดรถขับรถออกไปตามทางที่มี 2 ข้างทางเป็นป่าเขา
ฉากที่ 4   ภายนอก / ริมถนนบริเวณชายป่า / ตอนเช้า
              เอสพูดชักชวนเก่งไปทำงาน  แล้วกิ๊ฟก็พูดแย้ขึ้น  เก่งที่กำลังจะออกจากหมู่บ้านเพื่อเข้าไปหางานทำก็ดีใจและพูดรับคำชวนของเอสแล้วเอสเดินเข้าไปหาเก่งเอามือตบหลังเก่งเบาๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเก่ง ในขณะเดียวกันกิ๊ฟก็แสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้ง และแสดงอาการไม่ยอมรับและพูดว่าเก่งกับพี่ชายของตนเองที่กำลังจะหลอกเก่ง
เอส   “มึงจะทำงานกับพวกเราก็ได้นะ ถ้ามึงยังไม่มีงานทำ
ในขณะเดียวกันกิ๊ฟลุกขึ้นยืนขึ้นมาพูด
กิ๊ฟ   “พี่จะหลอกไอโง่นี่จริงๆหรือว่า ท่าทางแม่จะเห็นมันจะมีตังค์เลย
เก่งตอบกับเอสทันที
เก่ง   “ให้ผมทำงานด้วยนะ ผมกะว่าจะตายเอาดาบหน้า ผมน่ะหัวก็ไม่ดีสู้ใครเขาก็ไม่ได้
เอส   “ได้ แต่มึงต้องเสียเงินหน่อยนะ ถ้ามึงอยากจะทำงานจริงๆ นะ
เก่งพูดในใจ   “มันจะอำกูหรือเปล่าวะ
กิ๊ฟหันหน้าไปทางชายป่า และพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก แล้วพูดว่า
กิ๊ฟ   “โคตรโง่เลย
ฉากที่ 5   ภายนอก / บนถนนสองข้างทางเป็นชายป่า / ตอนเช้า
            รถตู้วิ่งเข้ามา ณ บริเวณที่พวกเขารออยู่ เพื่อรับคนทั้งสามเข้าไปส่งในเมือง แล้วรถตู้ก็จอด คนทั้งสามก็หยิบกระเป๋าเดินทางของตน และเดินไปที่รถตู้คันนั้น ทันใดนั้น คนขับรถตู้ก็เดินลงมาหาพวกเขาทั้งสาม และพูดขอโทษกับคนทั้งสามที่เขามาช้าเกินกว่าเวลาที่นัดหมาย คนทั้งสามเดินขึ้นรถ และเอสก็พูดให้เก่งจ่ายเงินไปก่อน บังเอิญคนขับรถมีแต่แบงค์ใหญ่ จึงเปิดกระเป๋าให้คนทั้งสามดูแล้วบอกว่า ยังไม่ต้องจ่ายก็ได้เพราะยังไม่มีเงินทอน
กิ๊ฟ   “รถมาแล้ว
คนขับรถเดินลงมาจากรถแล้วเดินมาที่ข้างๆ รถ และพูดกับคนทั้งสามว่า
คนขับรถ   “ขอโทษด้วยครับ ที่มาช้า
เอส   “เฮ้ย .. เดี๋ยวมึงออกค่ารถให้พวกกูก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวกูให้ที่ทำงาน
เก่งพูดในใจ   “กูเก็บเงินของกูมาตั้งนาน ทำไมต้องมาออกให้พวกมึงด้วยวะ
ในขณะที่เก่งพูดในใจ เอสก็พูดสวนขึ้นทันที
เอส   “เฮ้ย .. ว่าไง จะออกเงินให้พวกกูหรือเปล่า
เก่งทำท่ายื่นเงินให้คนขับรถ แล้วคนขับก็พูดขึ้นพร้อมกับโชว์เงินในกระเป๋าให้คนทั้งสามดู
คนขับรถ   “เออ.. ผมคิดว่า ผมก็มีแต่แบงค์ใหญ่เหมือนกัน เอาไว้ถึงที่โน่นแล้วค่อยจ่ายก็แล้วกัน
ฉากที่ 6    ภายนอก / บริเวณที่จอดรถ ณ ชายป่า / ตอนเช้า (ต่อเนื่อง)
               ทันทีที่คนขับรถเปิดกระเป๋าออกมาให้คนทั้งสามดู ทำให้คนทั้งสามเกิดความละโมบอยากได้เงินของคนขับรถ โดยแสดงสีหน้าของแต่ละคนออกมาอย่างชัดเจน แล้วภาพในความคิดของอสก็เกิดขึ้น เอสคิดว่าจะเข้าไปต่อยคนขับรถจนสลบแล้วแย่งเงินในกระเป๋าของคนขับรถมาเป็นของตนเองแต่มันเป็นเพียงแค่ความคิดที่ไม้ได้ทำ  จากนั้นคนขับรถก็เปิดก็เปิดประตูรถตู้ออก  แล้วเชิญคนทั้งสามคนขึ้นรถ หลังจากที่เก่งกับเอสเข้าไปในรถแล้ว กิ๊ฟแสดงท่าทางและสีหน้าเย้ายวนคนขับรถ
ฉากที่ 7    ภายใน / รถตู้ / ตอนเช้า (ต่อเนื่อง)
               เอสกำลังจะเข้าไปนั่งข้างหน้าข้างคนขับรถ แต่กิ๊ฟอยากจะไปนั่งที่นั่น ก็เลยตรงเข้าแย่งเอส แล้วบอกกับเอสว่า กิ๊ฟเป็นผู้หญิงจะต้องนั่งข้างหน้า เอสผู้เป็นพี่ก็ยอมให้ แต่ก็แสดงอาการไม่พอใจ จากนั้นคนขับก็ปิดประตูรถ แล้วเดินอ้อมมาทางข้างหน้ารถและขึ้นรถเพื่อขับรถออกไป
กิ๊ฟ    “พี่ไปนั่งข้างหลัง
เอสตอบออกไปอย่างอารมณ์หงุดหงิด
เอส    “อะไรของมึงวะ
กิ๊ฟ    “ฉันเป็นผู้หญิง ฉันจะนั่งข้างหน้า
 ฉากที่ 8   ภายใน / รถตู้ / ตอนสาย
                ในขณะที่รถกำลังแล่นอยู่นั้น กิ๊ฟก็มองไปที่หน้าคนขับ แล้วภายในสมองของกิ๊ฟก็เกิดความละโมบ จึงหันไปพูดกับคนขับรถถึงเรื่องเงินเก็บของคนขับ ซึ่งในใจลึกๆ ของกิ๊ฟนั้นอยากได้เงินของคนขับรถมาก จึงทำให้กิ๊ฟคิดที่จะยิงคนขับรถให้ตายและยึดเอาเงินกับรถไว้เป็นของตน
กิ๊ฟ (ในความคิด)   คุณคงทำงานหนักมากนะคะ ถึงมีเงินเก็บมากขนาดนั้น
คนขับรถ    เงินไม่สำคัญสำหรับผมหรอกครับ ผมไม่อยากได้เงิน หน้าที่ของผมสำคัญกว่านั้นมาก
                  กิ๊ฟ บอกให้คนขับจอดรถ และหลอกว่าจะขอทำธุระส่วนตัว จากนั้นก็หยิบปืนกระบอกเล็กที่อยู่ในกระเป๋าออกมายิงคนขับรถ
กิ๊ฟ   จอดให้ฉันทำธุระหน่อยได้ไหมคะ
คนขับรถ   ได้สิครับ ไม่มีปัญหา
กิ๊ฟพูดพร้อมกับหยิบปืนขึ้นมายิง
กิ๊ฟ   ถ้ามึงไม่อยากได้ ก็ให้กูแล้วกัน
ฉากที่ 9    ภายนอก / ริมถนนข้างรถตู้ด้านคนขับ / ตอนสาย / ภายในความคิด (ต่อเนื่อง)
                คนขับที่ถูกยิงตาย ทิ้งตัวลงมาจากรถตู้ นอนอยู่ข้างล้อรถ ที่ศีรษะมีเลือดไหลออกมาเป็นทาง และแล้วรถก็แล่นออกไป
ฉากที่ 10   ภายใน / รถตู้ / ตอนสาย / เหตุการณ์ปกติ (ต่อเนื่องฉากที่ 8)
                 รถวิ่งไปตามถนน กิ๊ฟออกจากความคิดของตัวเอง ในขณะนั้นเอสก็ถามเก่งเรื่องที่จะออกไปทำงาน แต่เก่งเป็นคนพูดไม่ชัดจึงทำให้เอสอารมณ์เสีย แล้วด่าเก่งอย่างหยาบคาย กิ๊ฟได้ยินเอสพูดจึงหันมาอธิบายว่าเก่งลิ้นไก่สั้นจะเอาอะไรกับมันมากมาย เอสก็คิดในใจว่า เก่งเป็นคนไม่ได้เรื่องจากนั้นเอสก็ชวนคนขับรถสูบบุหรี่ แต่คนขับรถปฏิเสธ จากนั้น เอส ก็ใช้ให้เก่งมานวดขาให้
เอส   จะไปทำงานกับกู มึงทำอะไรได้บ้างวะ
เก่ง    เออ.. ผมทำได้ทุกอย่างครับ
เอส   ไอ้เหี้ย.. มึงพูดเหี้ยอะไรไม่รู้เรื่องเลยวะ
กิ๊ฟ    ก็มันลิ้นไก่สั้น พี่จะเอาอะไรกับมัน
เอส หันไปพูดกับคนขับรถ  เฮ้อ..พี่เอาบุหรี่ไหมครับ
คนขับรถ   ไม่หรอกครับ ผมไม่สูบ
เอสหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบและคิดในใจ
เอสพูดในใจ   แม่ง...มีแต่คนไม่ได้เรื่องเลย แล้วเมื่อไหร่กูจะรวยวะ
เอสพูดกับเก่ง   มึงชื่ออะไรวะ
เก่ง   ผมชื่อเก่งครับพี่
เอส   อะไรนะ ... ไอ้เหี้ย...มึงพูดช้าๆ ชัดๆ สิวะ ไหนมึงมานั่งนี่ซิ
เก่งลุกไปนั่งข้างเอสแล้วก็พูดว่า   เก่ง ... ผมชื่อเก่งครับพี่
เอส    กูโคตรเมื่อยตีนเลย มึงนวดให้กูหน่อยซิ
แล้วเก่งก็นวดให้
ฉากที่ 11   ภายนอก / ริมถนน / ตอนบ่าย
                 รถวิ่งมาตามทาง บังเอิญยางรถก็แตกทำให้เดินทางต่อไม่ได้ จึงต้องจอดข้างถนน กิ๊ฟเดินลงมาจากรถอย่างอารมณ์เสีย แล้วเตะยางรถข้างที่รั่ว เอสลงมาจากรถแล้วคว้าแขนกิ๊ฟ พร้อมกับต่อว่ากิ๊ฟเรื่องที่ทำท่ายั่วยวนคนขับมาตลอดทาง จากนั้นกิ๊ฟก็เดินไปเดินมา ส่วนคนขับรถ เก่งและเอสก็ช่วยกันเปลี่ยนยางรถ อย่างโกลาหล โดยที่เอสดูเหมือนว่าจะเอาเปรียบเก่งมากที่สุด
กิ๊ฟ    แม่ง โคตรซวยเลย แตกได้ไงวะ
เอสเดินลงมาคว้าแขนกิ๊ฟและพูดว่า
เอส    ไอ้เหี้ย...เมื่อกี้กูแอบเห็นตลอดทางเลยนะ มึงอย่าเสือก นั่นมันเงินของกู
ฉากที่ 12   ภายนอก / ริมถนน / เย็นจวนค่ำ
                หลังจากที่ซ่อมรถกันเสร็จ ทุกคนก็รับประทานอาหารกันในความคิดของแก่ง  เก่งคิดว่าจะใช้มีดแทงทุกคนให้ตาย แล้วข่มขืนกิ๊ฟ แต่ก็เป็นเพียงแค่ความคิด หลังจากนั้น เก่งก็เดินเข้าไปหาเอส แล้วพูดตัดพ้อกับเอสเรื่องอาหารของตนที่น้อยกว่าคนอื่น
เอส    มึงจะแดก หรือไม่แดก เดี๋ยวกูแดกเอง
เก่ง    กินครับพี่ แต่พี่ให้ผมน้อยจังเลย
ฉากที่ 13   ภายนอก / บนถนน / ตอนค่ำ (ต่อเนื่อง)
                 หลังจากที่กินอาหารกันเสร็จแล้ว ก็เดินทางกันต่อไป ในขณะที่เดินทาง  ทุกคนก็เกิดอาการอ่อนเพลีย  แล้วหลับไป  คนขับรถชิดข้างทางแล้วคนขับรถที่มีเทวดาเข้าสิงอยู่นั้นก็คิดว่ามนุษย์พวกนี้ในตอนที่หลับดูเหมือนว่าจะไม่มีพิษสงอะไร  ดังนั้นเทวดาจึงเสกให้เงินหายไป
คนขับรถที่มีเทวดาเข้าสิงอยู่
ในยามหลับพวกมนุษย์ เหล่านี้ช่างดูไร้พิษสง แต่ทำไม่ในยามที่มีสติครบถ้วนกลับคิดที่จะเข่นฆ่ากันเหมือนชีวิตของคนอื่นไม่มีค่าอะไร หากยังเป็นเช่นนี้เราคงต้องทำอะไรสักอย่าง
ฉากที่ 14    ภายใน / ริมถนน / ตอนเช้า
                  ตอนเช้าในขณะที่ทุกคนยังหลับอยู่ คนขับรถ ก็เดินมาปลุกทุกคน แล้วถามทุกคนว่าใครเป็นคนเอาเงินและกุญแจรถของผมไป จากนั้นทุกคนก็ต่างปฏิเสธและโยนความผิดให้เก่ง เก่งตกใจรีบวิ่งออกจากรถไปยังในป่า และเอสก็รีบกระโดดลงหลังรถและวิ่งตามเก่งไป เก่งล้มลง เอสเข้าค้นตัวเก่ง แต่ก็ไม่พบเงินและกุญแจ ดังนั้นจึงหันไปมองที่น้องสาวของตนที่ยืนอยู่ข้างรถ แล้วตรงไปถามเพราะเข้าใจว่ากิ๊ฟเป็นคนเอาไป แต่กิ๊ฟ ก็ปฏิเสธเสียงแข็ง ด้วยความโมโหทำให้เอสตรงไปหยิบปืนที่ท้ายรถมายิงกิ๊ฟจนเสียชีวิต เอสเสียใจมากที่ยิงน้องสาวของตน เทวดาที่ปลอมตัวมาเป็นคนขับรถจึงตรงเข้ามาพูดกับเอสให้หยุดฟูมฟายในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแล้วเทวดาก็แสดงปาฏิหาริย์ โดยใช้มือดูดเอาลูกกระสุนที่ฝังอยู่ในร่างของกิ๊ฟขึ้นมาทำให้กิ๊ฟฟื้นขึ้นมาซึ่งทำให้เอสดีใจมากในขณะเดียวกัน เก่งตกใจก็เลยเอามีดจะแทงเทวดาแต่เกิดสำนึกได้โดยทิ้งมีด จากนั้นเทวดาก็สั่งสอนคนทั้งสาม ให้มีจิตใจเป็นคนดีและดำรงชีวิตได้โดยที่ไม่ต้องใช้อาวุธเข็นฆ่ากันแล้วก้มอบเงินกับกุญแจให้หลังจากนั้นเทวดาก็ออกจากร่าง คนขับรถฟื้นขึ้นด้วยอาการมึนงงว่ามันเกิดเหตุอะไรขึ้นแล้วทุกคนก็พาคนขับรถเข้าไปนั่งในรถแล้วเดินทางกันต่อไป
คนขับรถ   นี่พวกคุณทั้งสามคนใครเอากุญแจกับเงินของผมไป
กิ๊ฟ   ใครเอาไปว่ะ มึงใช่หรือเปล่าไอ้เก่ง
เก่ง   เปล่า เปล่า เปล่า เปล่า (พูดด้วยอาการตกใจแล้ววิ่งหนีออกไปนอกตัวรถ)
กิ๊ฟ   จับมันกับมา
เอส   เหี้ย มึงเอาของกูคืนมา (ดันตัวเก่ง)
เก่ง   เปล่า เปล่า เปล่า เปล่า
เอส   มึงเอาออกมา
เก่ง   เปล่า ไม่รู้ ไม่ได้เอาไป
เอส   กิ๊ฟมึงเอาของกูไปหรือ
กิ๊ฟ    แล้วทำไมมึงพูกอย่างนี้หละ
เอส   ถ้ามันไม่เอาแล้วมึงหละ
กิ๊ฟ   มึงแหละ แล้วทำไมมไม่สงสัยมึงมั่งหละ
เอสยิงกิ๊ฟหลังจากนั้นเอสพูดว่า
เอส   ไม่ ไม่ กิ๊ฟ กิ๊ฟ” (อาการเสียใจฟูมฟาย)
เทวดา    หยุด หยุดฟูมฟายในสิ่งที่ท่านทำหยุดสร้างเงื่อนไขในใจ
ในความคิดที่คับแคบ แล้วจิตใจที่แห้งแล้ง ท่านมองดูรอบๆตัวของท่าน ท่านไม่ได้อยู่ลำพังแต่เพียงผู้เดียว อย่าปล่อยให้จิตใจที่บริสุทธิ์ของท่านถูกครอบงำด้วยสิ่งจอมปลอมที่ไม่จีรัง ยังไม่สายเกินไปหรอก ท่าน ยังคงมีจิตใจที่แห้งแล้ง ท่านพร้อมแล้วหรือ
(เอสพูดด้วยความดีใจ)
เอส    กิ๊ฟ ฟื้นแล้วกิ๊ฟ
(กิ๊ฟโผ่ลเข้าไปกอดเอส)
กิ๊ฟ    พี่ กิ๊ฟไม่เป็นไรแล้ว
เทวดา(เทวดาพูดพร้อมยื่นเงินให้)    ทุกคนคงพร้อมกันแล้วใช่ไหมครับ รับนี่แล้วจงเดินทางต่อไปโดยที่ไม่ต้องให้นี่และนี่     “แม้เส้นทางข้างหน้า จะยาวไกลซักเพียงใด ด้วยคาวมกล้าและกำลังใจของทุกท่าน เราเชื่อว่าท่านทำได้
ฉากที่ 15   ภายนอก / ริมถนนข้างรถ / ตอนเช้า (ต่อเนื่อง)
                 หลังจากที่เทวดาให้เงินทั้งหมดกับทุกคน เทวดาก็ล้มลงแล้วเทวดาก็ได้ออกจากร่างและทุกคนพอจะนึกได้ ก็ช่วยพยุงคนขับรถ ขึ้นรถและหลังจากนั้นคนขับรถก็ตื่นขึ้น แล้วพูกออกมาด้วยอาการงงๆ ว่ากลัวทุกคนจะมาทำร้ายตัวเอง
คนขับรถ    เฮ้ย....พวกมึงจะทำไรกู
เอส     ใจเย้นครับพี่ นั่งในครับ
ฉากที่ 16   ภายใน / รถตู้ / ตอนเช้า (ต่อเนื่อง)
                 คนขับรถหลับไปด้วยอาการอ่อนเพลีย แล้วกิ๊ฟก็ขอโทษเอสแล้วทุกคนก็หันมาจับมือกัน แล้วเอสก็ขับรถออกไป
กิ๊ฟ    พี่....กิ๊ฟขอโทษ
เอส    พี่ก็ขอโทษเหมือนกัน
ฉากที่ 17   ภายนอก / บนถนน / ตอนบ่าย
                 รถวิ่งไปตามทางของป่าที่สวยงาม เอสจอดรถปริเวณข้างทาง เพื่อให้กิ๊ฟลงมาเก็บดอกไม้ แล้วกิ๊ฟก็ได้กลับไปที่รถเอสก็ได้เดินทางต่อไปสุดถนน
จบบริบูรณ์
อ้างอิง:http://returnwind.exteen.com/20110608/entry


หนังสั้นเรื่อง..โดดเรียน

อ้างอิง: https://www.youtube.com/watch?v=GcPPRmioevk

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โครงสร้างการเขียนบท


โครงสร้างการเขียนบท
1.จุดเริ่มต้น (beginning) ช่วงของการเปิดเรื่อง แนะนำเรื่องราว ปูเนื้อเรื่อง
2.การพัฒนาเรื่อง (developing) การดำเนินเรื่อง ผ่านเหตุการณ์เดียวหรือหลายเหตุการณ์ เนื้อเรื่องจะมีความซับซ้อนมากขึ้น
3.จุดสิ้นสุด (ending) จุดจบของเรื่อง แบ่งออกเป็นแบบสมหวัง (happy ending) ทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจ และแบบผิดหวัง (tragedy/ sad ending) ทำให้รู้สึกสะเทือนใจ
โครงเรื่องสู่การเป็นบท
        เมื่อสามารถคิดและเขียนเรื่องโดยรู้จักที่จะประนีประนอมกับตัวเองได้แล้ว ก็มาสู่ขั้นการเขียนบท ทุกอย่างในขั้นตอนนี้จะง่ายขึ้นเมื่อคุณมีโครงเรื่องที่เรียบร้อยดีอยู่แล้ว คุณก็แค่ยึดเอาโครงเรื่องนี้มาไว้กับตัว และจำหลักการง่ายๆ ดังต่อไปนี้ที่คุณควรจะยึดติดเอาไว้
        1.จำไว้เสมอว่าตัวเองกำลังเล่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร หมายความว่าพยายามยึดเรื่องให้อยู่กับประเด็นหลักเอาไว้ เพราะว่ามีคนทำหนังมากมายที่หลงทางไปกับประเด็นแยกย่อย หรือเพิ่มเติมเนื้อหาบางอย่างเข้าไปทั้งๆ ที่มันไม่ได้ส่งผลใดๆ กับเรื่องราวที่กำลังเล่าอยู่เลย ยิ่งเป็นหนังสั้นด้วยแล้ว การเดินเข้าสู่ประเด็นหลักอย่างมั่นคงยิ่งเป็นเรื่องจำเป็น
ยกตัวอย่าง ถ้าคุณกำลังเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งที่ตกหลุมรักหญิงสาวคนหนึ่ง และจีบเธอโดยการส่งดอกไม้ทุกวัน คุณอาจจะขยายเรื่องราวว่า ชีวิตชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างไร เพื่ออธิบายว่าทำไมเขาถึงมาชอบหญิงสาวคนนี้ และอาจจะอธิบายเกี่ยวกับตัวหญิงสาวได้ว่า ชีวิตของเธอเป็นอย่างไรและทำไมเธอถึงกลายมาเป็นคนที่ชายหนุ่มหลงรัก แต่เรื่องจะหลงทางทันทีหากคุณไปเล่าเรื่องของแม่พระเอก หรือพ่อของนางเอก โดยที่มันไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อการที่พระเอกตามจีบนางเอก เว้นแต่ว่าจะเป็นเรื่องความรักของรุ่นพ่อรุ่นแม่ ที่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับความรักของรุ่นลูกด้วยได้ การเล่าเรื่องที่ออกนอกประเด็นนั้นจะนำพามาทั้งความสับสนแก่คนดูว่า ตกลงแล้วคนทำหนังพยายามจะบอกอะไรกันแน่ ยังอาจจะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายเล็กน้อยขึ้นมาอีกด้วย การแก้ปัญหาตรงนี้นอกจากจะขึ้นอยู่กับการวางโครงเรื่องรัดกุมแล้ว ยังอยู่ที่การเขียนบทที่มีสมาธิอีกด้วย
        2. เดินเรื่องไปข้างหน้าอยู่ตลอด อย่างที่เกริ่นไว้ในหัวข้อการคิดเรื่อง การที่ทำให้เรื่องเดินหน้าไปตลอดนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหนังที่ต้องการให้คนดูได้รับความบันเทิง ยกตัวอย่างเช่น หากเราปูเรื่องไว้แล้วว่าพระเอกทำงานออฟฟิตที่น่าเบื่อหน่าย เพื่อนๆ ไม่ชอบหน้าเขา การบอกเล่าตรงนี้ควรจะเป็นแค่ครั้งหรือสองครั้งก็ได้ แต่หากมีบ่อยๆ ซ้ำๆ เกินควรอาจจะทำให้คนดูรู้สึกเบื่อหน่ายเรื่องที่กำลังดูอยู่ และพาลหมดความสนใจแก่ตัวหนังทั้งเรื่องไปได้
        3.การยึดหลัก 3 องค์ ปรกติถ้าเป็นตำราเขียนบท เรื่องของ 3 องค์มักจะมาเป็นลำดับแรก แต่สำหรับผม ผมมองว่าเรื่องของโครงสร้างการเขียนบทนั้น มันยังจำเป็นน้อยกว่า 2 หัวข้อก่อนหน้านี้ หลัก 3 องค์ที่ว่าซึ่งคนที่เรียนเขียนบทหนังหรือบทละครมาก็คงจะรู้จักกันดีนะครับ
        องค์แรกก็คือการปูเรื่อง เปิดตัวละคร จนเกิดเหตุการณ์พลิกผันกับตัวละคร นำไปสู่องค์ที่ 2 เช่น พระเอกเป็นพนักงานออฟฟิตธรรมดา โดยเจ้านายกดขี่ แฟนแอบนอกใจไปเป็นชู้กับเพื่อน แล้วจู่ๆ ก็มีคนเดินมาบอกว่า เขาคือสุดยอดนักฆ่าที่มีพลังมหาศาล และอยากชวนเขาเข้าร่วมองค์กร และพระเอกได้เจอฝ่ายเหล่าร้ายตามไล่ล่า จนตัดสินใจว่าจะต้องเข้าร่วมกับองค์กรนี้
        องค์ที่สองก็คือส่วนกลางเรื่อง เล่าเรื่องที่ปูไปสุดจุดหักเหอีกครั้งก่อนจะเข้าส่ climax (ช่วงจบ)ตัวอย่างเช่น พระเอกมาฝึกฝนการต่อสู้กับองค์กรที่ชวนเขามาเข้าพวกจนสำเร็จสุดยอดวิชา แต่กลายเป็นว่าองค์กรนี้แท้จริงชั่วร้าย เลยต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรระหว่างหนีไปหรือทำลายองค์กรนี้
        องค์ที่สามก็คือบทสรุปของเรื่องน่ะแหละครับ ตัวอย่างก็เช่น พระเอกตัดสินใจจะไม่หนีและสู้กับองค์กรร้าย การต่อสู้ดุเดือดเลือดพล่านแต่สุดท้ายพระเอกก็เป็นฝ่ายกุมชัยชนะ เรื่องจบลงโดยการที่พระเอกตัดสินใจใช้ความสามารถของตนผดุงคุณธรรม
        4. เขียนให้คนอื่นๆ สามารถเห็นภาพตามไปด้วยได้ คนทำหนังทุกคนไม่ควรทำหนังคนเดียวครับ เพราะว่ามันเป็นไปได้ยากเหลือเกินที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้เพราะไหนจะต้องมีสมาธิกับการกำกับ มีสมาธิว่าต่อไปจะต้องถ่ายฉากอะไรต่อ จะพักกินข้าวตอนไหน จะวางมุมกล้องยังไง ฯลฯ สารพัดครับ การเขียนบทที่สามารถทำให้เพื่อนร่วมงานเข้าใจได้ง่าย มองเห็นภาพในหนังได้ตรงกัน และทำให้การทำงานง่ายขึ้น
        แต่ถ้าถามว่าเขียนอย่างไรถึงจะให้เป็นเช่นนั้นได้ อธิบายง่ายๆ เลยนะครับ ก็คือ อย่างเช่น ฉากที่พระเอกเดินเข้ามาในห้อง มันอาจจะมีรายละเอียดด้วยว่า พระเอกเปิดประตูเข้ามาในห้อง เดินเข้ามาแล้วก็ปิดประตู จากนั้นก็เดินผ่านกองหนังสือเก่าที่วางระเกะระกะ ตรงเข้าไปนั่งที่โซฟาสีน้ำเงิน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากประตูสักเท่าไหร่ ข้างๆ โซฟามีหน้าต่าง มองออกไปเห็นท้องฟ้าสีคราม พระเอกเมื่อนั่งลงแล้ว เขาก็นั่งนิ่งไม่ได้ทำอะไร” นี้คือหลักการเขียนบทเบื้องต้น